ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกและไทยแสดงท่าที “แรง” อย่างต่อเนื่อง มีการทำจุดสูงสุดใหม่ (All‑Time High / New High) อยู่หลายครั้ง หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า “จะเป็นฟองสบู่ทองคำหรือไม่?” แต่ YLG (วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล) มองว่า ถึงแม้ราคาทองจะ “ร้อนแรง” แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะฟองสบู่ โดยมีบทวิเคราะห์ หลักฐานเชิงเหตุผล และแนวทางให้กับนักลงทุน ดังนี้:

มุมมอง YLG — เหตุใดทองคำถึงไม่ได้เป็นฟองสบู่
- แรงซื้อมีพื้นฐานสนับสนุน ไม่ใช่แค่เก็งกำไรล้วน
YLG ให้เหตุผลว่า ราคาทองคำที่ขึ้นแรงนั้นไม่ได้เกิดจาก “เก็งกำไรล้วน ๆ” แต่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนหลายประการ เช่น- แนวโน้มนโยบายดอกเบี้ยสหรัฐ (Fed) ที่อาจลดในอนาคต
- ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
- ความกังวลทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้นักลงทุนหันมามองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
- การพักตัวและแรงขายทำกำไรเป็นเรื่องปกติ
เมื่อราคาพุ่งสูง นักลงทุนมักทยอยขายทำกำไรบางส่วน ไม่ได้หมายถึง “ฟองสบู่แตก” เสมอไป แต่เป็นการปรับจังหวะ (take profit) ในแนวทางของตลาดที่ดี - โซนแนวรับ–แนวต้านยังมีความหมาย
YLG มองว่าแม้ว่าตอนนี้ราคาทองจะอยู่ในโซนแรง แต่ยังมีแนวรับสำคัญที่ราคายังไม่หลุด เช่น กรอบราคาที่ทองไทยควรระวังถอย (แนวรับ) อยู่ในช่วง 55,000–50,000 บาทต่อบาททองคำ หากราคาทองในไทยไม่หลุดแนวรับนี้ ก็ยังมีโอกาสให้ตลาดฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ - เป้าราคายังเป็นเป้า “ค่อยเป็นค่อยไป”
YLG ตั้งเป้ากลาง / เป้าสำหรับทองในไทยไว้ที่ 57,000 บาท ซึ่งราคาได้แตะแล้วในช่วงที่ผ่านมา และถ้าราคาทองโลก + ค่าเงินบาทเอื้ออำนวย อาจมีโอกาสไปต่อถึง 60,000 บาท ได้ในอนาคต (แต่ไม่ประเมินว่า “พุ่งทันทีเป็นฟองสบู่”)
ตัวอย่างแหล่งข่าวและบทวิเคราะห์จาก YLG
- YLG เผยว่า “ทองไทยพุ่งขึ้น 33.73% ตั้งแต่ต้นปี” และได้ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 57,000 บาท/บาททองคำ พร้อมมองว่า ถ้าค่าเงินบาทอ่อน คงมีโอกาสกลับไปทดสอบ 60,000 บาท ได้
- YLG ประเมินแนวโน้มทองคำครึ่งปีหลัง: หากมี New High ใหม่จะตีราคาเป้าต่อไปที่ $3,650 / ออนซ์ และมองว่ายังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก 10‑15% หากปัจจัยสนับสนุนยังอยู่
- YLG ยังแนะนำให้ “ขายบางส่วน ณ ราคาที่ทำเป้า” แต่ยังถือไว้อีกส่วนหนึ่ง เพื่อรองรับโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในระยะยาว หากไม่หลุดแนวรับสำคัญ
แนวทางสำหรับผู้ลงทุน — ข้อเสนอแนะจากมุม YLG
- แบ่งขาย (Partial Take Profit): เมื่อราคาทองไทยถึงเป้า 57,000 บาท หรือโซนที่ YLG ประเมินว่าเป็นแนวต้าน ให้ขายบางส่วน แต่ไม่แนะนำขายหมด
- ตั้งจุดเฝ้าระวังแนวรับ: หากราคาย่อลงมาและไม่หลุดแนวรับระหว่าง 55,000–50,000 บาท อาจเป็นจังหวะซื้อกลับ
- รักษาสัดส่วนการลงทุนให้สมดุล: ไม่ควรทุ่มทองเต็มพอร์ต ให้มีการกระจายการลงทุน
- ติดตามปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด: เช่น ราคาทองโลก, ค่าเงินบาท, นโยบาย Fed, ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
- ใช้เครื่องมือที่ช่วยเข้าถึงง่าย: YLG มีแอป “Get Gold by YLG” ซึ่งให้นักลงทุนเริ่มต้นลงทุนทองคำได้ด้วยขั้นต่ำ (เช่น 100 บาท) และซื้อขายแบบเรียลไทม์