ศูนย์รับซื้อทองคำและโลหะมีค่าทุกชนิด

โทรหาเรา

ประเมินราคาผ่านไลน์

ติดต่อผ่านเฟสบุ๊ก

ข่าวสาร

FOMO ดันทองคำ? ลุ้นพุ่งถึง 4,200 ดอลลาร์

October 7, 2025

เมื่อราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากเริ่มตื่นตัว กลัวจะ “พลาดขึ้น” (FOMO) จนบางส่วนเริ่มเข้าซื้ออย่างรวดเร็ว ซึ่งกลายเป็นแรงหนุนเพิ่มเติมร่วมกับปัจจัยพื้นฐาน อาจทำให้ราคามีศักยภาพที่จะไต่ไปถึงระดับ 4,200 ดอลลาร์/ออนซ์ ภายในช่วงปลายปีนี้

ปัจจัยหนุน FOMO + แนวโน้มราคาทอง

  1. แรงซื้อที่มาจาก “กลัวพลาด” (FOMO)
    ราคาทองที่ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ดึงดูดนักลงทุนรายย่อย – สถาบัน และกองทุน ETF ให้เข้ามาสะสมทองคำเพิ่มขึ้นอย่างเร่งรีบ ความเชื่อว่า “ทองยังไปต่อได้” ทำให้เกิดการซ้อนจังหวะซื้อ
  2. นโยบายทางการเงินของ Fed
    ตลาดคาดหวังว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า โดยมีการประเมินว่าอาจลด 2 ครั้งหรือมากกว่าในปีนี้ หากเป็นจริง จะช่วยลดต้นทุนโอกาสของการถือทองคำ (ซึ่งไม่ให้ดอกเบี้ย) ทำให้มันดูน่าสนใจมากขึ้น
  3. อ่อนค่าของเงินดอลลาร์ + ผลตอบแทนพันธบัตรต่ำ
    เมื่อดอลลาร์อ่อนลง นักลงทุนจากตลาดต่างประเทศเข้าถึงทองคำง่ายขึ้น และเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ตกต่ำ การถือทองคำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า
  4. ดีมานด์จากธนาคารกลาง & ETF
    ธนาคารกลางยังคงทยอยซื้อทองสะสมในสำรอง ทำให้อุปทานทองคำในตลาดมีแรงกดจำกัด และการไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำเป็นอีกช่องทางที่ช่วยดูดซับแรงซื้อในตลาดกว้าง
  5. ข่าวความไม่แน่นอนเศรษฐกิจ + ภูมิรัฐศาสตร์
    เหตุการณ์ เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ, ความกังวลหนี้สาธารณะ, ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ฯลฯ ทำให้ทองคำถูกมองเป็นทางเลือกในสภาพตลาดผันผวน

ความเป็นไปได้ &ข้อจำกัด

  • สำนักวิเคราะห์บางแห่งให้มุมมอง “ในกรณีสุดโต่ง (tail-risk)” ว่า ราคาทองอาจแตะ 4,200 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ หากปัจจัยบวกทั้งหมดประสานกัน เช่น Fed ลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง + ดอลลาร์อ่อนหนัก + กระแส FOMO เข้มข้น (มีข่าวอ้างว่า Goldman Sachs มองกรณีสุดโต่งอาจทะลุ 4,200 ได้)
  • UBS ก็เคยมีรายงานว่าในระยะกลาง-ยาว มีโอกาสให้ราคาทองขึ้นไปยังโซน 4,200 ได้ (ไม่ระบุว่า “ภายในปลายปี”)
  • เว็บไซต์ LongForecast ในการทำนายราคาทองสำหรับเดือนปลายปีแสดงกรอบราคาที่ค่อนข้างสูง (ระดับ 4,400–4,950) แม้จะเป็นการคาดการณ์ที่ไกลขอบเขตปัจจุบัน

แต่ก็มีอุปสรรคและข้อจำกัดที่ต้องระวัง:

  • ถ้า Fed ส่งสัญญาณ “เข้มงวดมากขึ้น” หรือไม่ลดดอกเบี้ยตามที่คาด ราคาทองอาจพบแรงกดดันอย่างหนัก
  • เงินเฟ้อ/ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง อาจลดโอกาสในการลดดอกเบี้ยเร็ว
  • แรงขายทำกำไร (profit-taking) เมื่อราคาขึ้นสูงมาก อาจเกิดการพักฐานหรืออ่อนตัวชั่วคราว
  • ความเชื่อมั่นที่เกินไปต่อ FOMO อาจทำให้การไต่ขึ้นราคากลายเป็นฟองสบู่หากไม่มีปัจจัยสนับสนุนระยะยาว

มุมมองเชิงกลยุทธ์สำหรับนักลงทุน

  • หากคิดจะเข้า รอจังหวะ “ดีดตัวลงเข้าซื้อ (pullback entry)” แทนการไล่เข้าที่ราคาสูงสุดทันที
  • แบ่งขายบางส่วนเมื่อทองทำราคาสูงกลางหลายจุด เพื่อรักษากำไร หากราคายังพุ่งต่อ
  • ตั้งจุดตัดขาดทุน (stop-loss) ให้แน่นหนา เพราะแรงผันผวนอาจกลับมาได้เร็ว
  • ติดตามข่าว Fed ตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด (NFP, CPI, PCE) และประเมินท่าที Fed เป็นตัวชี้ขาด

ข่าวที่คุณอาจจะสนใจ

ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงปลายสัปดาห์ ปิดตลาดที่ 32.41 บาทต่อดอลลาร์ จากระดับ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ สัปดาห์ก่อน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางภูมิภาค ก่อนอ่อนค่าตามเงินเยน หลังนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจยังไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย

ราคาทองคำโลก (Spot Gold) ร่วงแรงตามทิศทางตลาดหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี หลังนักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยงจากความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม

ราคาทองคำโลกดีดตัวขึ้นแรงทะลุ 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังได้รับแรงหนุนจากการ ร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) และความหวังว่า หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ จะกลับมาเปิดทำการ หลังการชัตดาวน์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ใกล้สิ้นสุดลง

สาขาพันทิพย์งามวงศ์วาน

9 หมู่ 2 ซ.วัดบัวขวัญ ถ.งามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000

สาขาบางพลี

99/30 ห้อง M2 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540