ราคาทองร่วงหลังข่าวดีทางการค้า
- ราคาทองคำ Spot ปรับลงเล็กน้อยราว 0.1%–0.2% ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางที่แรงซื้อทองคำลดลง ท่ามกลางความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปมีแนวโน้มความคืบหน้า ส่งผลต่อความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
- ทองคำในตลาดอเมริกา (Gold Futures) ก็ลดลงเช่นเดียวกันราว 0.2% จากสถานการณ์เดียวกัน

ปัจจัยหลักที่ฉุดทองคำ
1. ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า
- ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้น ทำนิวจากความคาดหวังเรื่องข้อตกลงการค้าและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ทำให้ทองคำที่ตั้งราคาในดอลลาร์มีค่าลดลง และนักลงทุนต่างชาติมองว่าน่าซื้อทองน้อยลง
- ยกตัวอย่างเช่น ราคาทองลดลงกว่า 1.8% (~$3,230) เมื่อดอลลาร์รีบาวด์หลังจากทำนิวต่ำ และส่งผลให้ทองเข้าสู่ทิศทางขาลงชัดเจน
2. ความคืบหน้าการเจรจาการค้า
- ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่น และระหว่างสหรัฐกับสหภาพยุโรป ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลภาวะเศรษฐกิจขาลง จึงลดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- บทวิเคราะห์จาก Reuters ระบุว่า แม้ว่าทองคำจะร่วง แต่การอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยลดช่องว่างในการขาดทุน ไม่ให้ราคาปรับตัวลงมากเกินไป
3. สัญญาณเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
- ข้อมูลแรงงานสหรัฐที่แข็งแรง เช่น NFP ทำให้ตลาดลดความคาดหวังที่ FED อาจปรับลดดอกเบี้ยเร็ว ช่วยหนุนดอลลาร์ให้แข็งตัว และกดดันทองคำต่อ
ภาพรวมราคาทองคำล่าสุด
- Spot Gold ร่วงลงแตะบริเวณ $3,330–3,360/ออนซ์ โดยก่อนหน้านี้แตะจุดสูงสุดราว $3,420 ก่อนถูกขายทำกำไร
- แนวรับสำคัญในสายตานักวิเคราะห์อยู่ที่ $3,259 และ $3,200/ออนซ์ หากหลุดอาจถูกกดลงลึกไปถึง $3,169
แนวทางการลงทุนที่เหมาะสม
สถานการณ์ตลาด | แนวทางแนะนำ |
---|---|
ดอลลาร์แข็ง & Trade optimism | หลีกเลี่ยงการถือทองระยะสั้น รอราคาย่อตัวก่อนเข้าซื้อ |
Trade ความคืบหน้าลดแรงซื้อทอง | พิจารณาเข้าสะสมอย่างระมัดระวัง และจับตาดอลลาร์ต่อ |
ดอลลาร์อ่อน & ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น | ใช้โอกาสทยอยซื้อทอง หรือพิจารณาลงทุนผ่าน ETF / Futures |
สรุปภาพรวม
ปัจจุบันราคาทองคำถูกกดดันจาก ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่ง และ ความคืบหน้าทางการค้า ที่ลดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์หลบภัย แม้แนวโน้มอาจกลับมาในกรณีที่ตลาดวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจหรือดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนควรติดตามแนวรับ-แนวต้านสำคัญ รวมถึงความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจโลกและตัวเลขแรงงานสหรัฐเพื่อช่วยประเมินจังหวะลงทุนต่อไป