สถานการณ์ราคาทองคำ
ราคาทองคำยังคงเผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 3,057 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนจะเผชิญแรงขายทำกำไร ส่งผลให้ราคาปรับฐานลงเล็กน้อย ขณะที่ราคาทองคำในประเทศไทยยังคงได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

GCAP วิเคราะห์แนวโน้ม
บริษัท GCAP GOLD ประเมินว่าในระยะสั้นราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับตัวผันผวน โดยแนะนำให้จับตาแนวรับและแนวต้านสำคัญ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดแนวทางการลงทุนในช่วงนี้
🔸 แนวรับสำคัญ:
- 48,000 บาท
- 47,900 บาท (หากราคาทองคำอ่อนตัว)
🔹 แนวต้านสำคัญ:
- 49,000 บาท (จุดที่แนะนำให้รอขายทำกำไร)
- 49,200 บาท (หากราคาทะลุขึ้นไป)
กลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำ
GCAP ชี้เป้าว่าราคาทองคำอาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะ 49,000 บาท ในรอบนี้ โดยมีแนวทางการลงทุนดังนี้:
✅ “รอย่อซื้อ” (Open Long):
หากราคาปรับตัวลงมาที่โซนแนวรับ 48,000–47,900 บาท นักลงทุนสามารถเข้าสะสมทองคำเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
✅ “รอขายทำกำไร” ที่แนวต้าน 49,000 บาท
GCAP แนะนำให้นักลงทุนทยอยขายเมื่อราคาขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
ปัจจัยที่ต้องจับตา
📌 ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) – หากมีสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ย อาจส่งผลต่อราคาทองคำโดยตรง
📌 สถานการณ์ตะวันออกกลาง – ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
📌 การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท – ค่าเงินที่อ่อนค่ามีแนวโน้มหนุนราคาทองคำในประเทศให้สูงขึ้น
สรุป
ราคาทองคำยังคงผันผวน และนักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ “เล่นรอบ” โดยรอซื้อเมื่อราคาย่อลงและทยอยขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นไปแตะ 49,000 บาท ตามแนวทางที่ GCAP แนะนำ
📢 ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด!