ในช่วงปลายปี 2024 ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่งผลต่อความต้องการลงทุนในทองคำ:
- แนวโน้มจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed): หลายสำนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงปลายปี 2024 หรือมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำ เนื่องจากการลดดอกเบี้ยมักทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้ทองคำที่ซื้อขายในดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ(FXEmpire)(J.P. Morgan | Official Website).
- ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และสถานการณ์ในตะวันออกกลาง (เช่น ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส) ยังคงทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเลือกใช้เป็นที่พักพิงในช่วงวิกฤต ความไม่แน่นอนเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และทำให้ราคามีแนวโน้มคงอยู่ในระดับสูงถึง $2,500-$2,700 ต่อออนซ์(Finbold)(J.P. Morgan | Official Website).
- การซื้อทองคำของธนาคารกลาง: ธนาคารกลางหลายประเทศยังคงสะสมทองคำในปริมาณมากเพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง ตลาดคาดหวังว่าการซื้อของธนาคารกลางจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมราคาทองคำให้คงที่หรือเพิ่มขึ้นในช่วงท้ายปีนี้(GoldSilver).
- ความผันผวนในระยะสั้น: แม้ว่าราคาทองคำอาจมีการปรับฐานในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนจากการปรับสมดุลของตลาด แต่การคาดการณ์ส่วนใหญ่ชี้ว่าอาจมีการฟื้นตัวของราคาในเดือนธันวาคม 2024 และอาจขยับขึ้นถึงระดับ $2,700-$3,000 ต่อออนซ์ หากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองยังคงไม่แน่นอน(FXEmpire).
โดยรวมแล้ว นักวิเคราะห์ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำในช่วงปลายปี 2024 โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนในระดับโลก แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปรับฐานชั่วคราวก่อนที่จะกลับมาเป็นขาขึ้นในช่วงปลายปีและต้นปี 2025.