ในปี 2568 นี้ ราคาทองคำไทยแสดงท่าทีแข็งแกร่งโดยมีหลายปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยหนุนให้ราคามีโอกาสขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดโลกและนโยบายในประเทศ ดังนี้:

1. แรงหนุนจากทองคำโลกที่ทำสถิติใหม่
ทองคำในตลาดโลกเพิ่งพุ่งไปทำจุดสูงสุดใหม่ (All‑Time High) เหนือ $3,800/ออนซ์ ซึ่งสร้างโมเมนตัมให้กับตลาดทองไทยตามขึ้นมาได้ โดยแรงซื้อในตลาดต่างประเทศเป็นตัวดึงราคาทองไทยให้ขึ้นตามไปด้วย
2. ความคาดหวังลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ (Fed)
ตลาดประเมินว่า Fed อาจลดอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนกระจายพอร์ตไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น ทองคำ ซึ่งไม่มีดอกเบี้ยแต่ได้จากการปรับตัวของราคา
3. ค่าเงินบาทอ่อนค่า / ความเคลื่อนไหวในอัตราแลกเปลี่ยน
ทองคำไทยจะได้รับอานิสงส์มากขึ้นเมื่อเงินบาทอ่อนค่าลง เพราะทองโลกเมื่อตีเป็นเงินบาทจะถูกชาร์จเพิ่มตามอัตราแลกเปลี่ยน ปัจจุบันเงินบาทมีการเคลื่อนไหวที่มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อบางช่วง ซึ่งเป็นโอกาสให้ทองไทยขึ้นแรง
4. ความต้องการภายในประเทศสูง — ตลาดทองไทยเติบโตอย่างโดดเด่น
- ความต้องการทองคำของผู้บริโภคในไทยเติบโตสูงเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียนหลายไตรมาส
- YLG ระบุว่าตั้งแต่ต้นปี ราคาทองไทยปรับขึ้นถึง 33.73% และได้ตั้งเป้ากรณีเบสไว้ที่ 60,000 บาท หากปัจจัยภายนอกและค่าเงินบาทเอื้ออำนวย
ความท้าทายที่อาจฉุดแรงขึ้น
แม้ภาพรวมจะดูเป็น “โมเมนตัมทองคำขาขึ้น” แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรติดตาม:
- หาก Fed ไม่ลดดอกเบี้ยตามคาด หรือส่งสัญญาณเข้มงวดมากขึ้น อาจเกิดแรงกดดันทองคำ
- ถ้าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรุนแรง อาจลดแรงขึ้นของทองไทย
- ตลาดอาจเกิดแรงขายทำกำไรเมื่อราคาไต่สูงเกินคาด
- ปัจจัยภายนอก เช่น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ภูมิรัฐศาสตร์ หรือวิกฤตการณ์อื่น อาจทำให้ตลาดผันผวนได้