หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และเพิ่มความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยราคาทองคำสปอตปรับขึ้นกว่า 1.2% แตะบริเวณ 4,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าสหรัฐปรับขึ้นแรงกว่า 2%
แรงหนุนสำคัญมาจากมุมมองของตลาดที่เชื่อว่าเฟดเข้าสู่รอบนโยบายการเงินผ่อนคลาย แม้ผู้กำหนดนโยบายจะส่งสัญญาณว่าอาจ “พัก” การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมชั่วคราว เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่เหนือเป้าหมาย 2% และต้องติดตามทิศทางตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยะกลาง
ขณะเดียวกัน ราคาโลหะเงินพุ่งขึ้นเกือบ 4% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์บริเวณ 64 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากทั้งกระแสเก็งกำไร อุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และภาวะอุปทานที่ตึงตัว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเงินกำลังกลายเป็นตัวนำทิศทางตลาดโลหะมีค่าในช่วงนี้
เช้าวันถัดมา ราคาทองคำทรงตัวใกล้ระดับสูงสุด หลังปรับขึ้นติดต่อกันหลายวัน ขณะที่นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่จะประกาศกลางเดือนนี้ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้ชะตาทองคำในช่วงปลายปีและต้นปีถัดไป
