ราคาทองคำโลกกลับมาปรับตัวสูงขึ้นในคืนวันที่ 10 ธ.ค. 68 หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ยตามคาด แม้ทิศทางนโยบายปีหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนก็ตาม โดยราคาทองคำสปอตขยับขึ้น 0.7% แตะ 4,236.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนฟิวเจอร์สเดือนกุมภาพันธ์อ่อนลงเล็กน้อยที่ 4,224.70 ดอลลาร์
เฟดลดดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณ “พักการลดเพิ่ม”
เฟดมีมติลดดอกเบี้ยอีกครั้ง แม้คณะกรรมการมีความเห็นแตกต่างกันพอสมควร พร้อมระบุว่ายังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินเฟ้อและตลาดแรงงานก่อนตัดสินใจในรอบถัดไป ขณะที่นักเทรดทองมองบรรยากาศหลังประชุมเฟดเป็นบวก และราคาทองสามารถยืนใกล้ระดับสูงสุดของวันได้
ดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยเพิ่มความน่าสนใจของทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ไร้ผลตอบแทน เมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ให้ดอกเบี้ยน้อยลง
โลหะเงินพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่
ราคาโลหะเงินสปอตทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 61.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นกว่า 113% ตั้งแต่ต้นปี ได้แรงหนุนจากอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรม สต๊อกที่ลดลง และการที่สหรัฐจัดให้เงินเป็นแร่เชิงยุทธศาสตร์
นักวิเคราะห์มองว่าเม็ดเงินเก็งกำไรไหลเข้าสินทรัพย์ที่มีเลเวอเรจสูงอย่างเงิน หลังทองคำปรับฐานลง ประกอบกับภาวะตึงตัวในตลาดโลหะจริงที่กดดันอุปทาน
ภาพรวมโลหะอื่น
- แพลทินัมลดลง 2.4% สู่ 1,654.55 ดอลลาร์
- แพลเลเดียมลดลง 2% สู่ 1,475.94 ดอลลาร์
เช้าวันที่ 11 ธ.ค. 68 — ราคาทองยังทรงตัว
รายงานจากบลูมเบิร์กระบุว่า ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อยที่ 4,234.66 ดอลลาร์ ขณะที่โลหะเงินทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 61.9755 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.1% หนุนให้ราคาทองทรงตัวเหนือระดับ 4,230 ดอลลาร์
เฟดยืนยันว่าจะเริ่มซื้อ Treasury Bills เพิ่มสภาพคล่องในระบบอีก 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยะถัดไป
พร้อมกันนั้น ตลาดยังประเมินว่า ประธานเฟดคนใหม่อาจมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น หลังประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่าดอกเบี้ยควรอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ
