ราคาทองคำโลก (Spot Gold) ได้พยายามไต่ขึ้นทำจุดสูงสุดในหลายรอบ แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ราคาทองเริ่มปรับลดลงเกือบ 1% หลังจากทำจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ โดย Spot Gold ร่วงลงมาแตะประมาณ $3,658.25/ออนซ์ หลังจากทำนิวไฮที่ $3,707.40/ออนซ์ในช่วงเซสชันก่อนหน้า

การปรับลดในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นผลของการประเมินถ้อยคำของ Jerome Powell ประธาน Fed ซึ่งแสดงท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต และชี้ว่าแนวทางการดำเนินนโยบายจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ (data‑dependency) มากกว่าแผนตายตัว
ปัจจัยที่กดดันทองคำให้ปรับลง
- คำพูด Powell มีแนว “ระมัดระวัง” มากขึ้น
หลังการลดดอกเบี้ย 0.25% Fed ให้สัญญาณว่าอนาคตจะต้องประเมินทีละการประชุม (meeting‑by‑meeting) และลดโอกาสการลดดอกเบี้ยจำนวนมาก ส่งผลให้บางแรงซื้อทองที่คาดหวังลดดอกเบี้ยมากกว่าเกิดสะดุด - แรงขายทำกำไร (Profit Taking)
เมื่อราคาทะลุจุดสูงสุด นักลงทุนบางส่วนถอนบางส่วนเพื่อล็อกกำไร ทำให้เกิดแรงเทขายในระยะสั้น ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวปกติของตลาดที่ขึ้นแรงเกินไป - อัตราผลตอบแทนพันธบัตร &ดอลลาร์แข็งขึ้นเล็กน้อย
ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย (non‑yielding) จะมีต้นทุนโอกาสสูงขึ้นเมื่อพันธบัตรรัฐเพิ่มผลตอบแทนขึ้นมา แม้ดอลลาร์จะไม่ได้แข็งขึ้นมาก แต่ท่าทีของ Fed ที่ระมัดระวังช่วยหนุนดอลลาร์ขึ้นเล็กน้อยซึ่งเป็นแรงกดทับราคาทองกลับ - ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของ Fed
ท่าทีแบบ “อิงข้อมูล” และการใช้วลี “risk‑management cut” ของ Powell ถูกตีความว่า Fed อาจไม่ลดดอกเบี้ย flera ครั้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้นักลงทุนบางส่วนชะลอการเข้าซื้อทองในระยะถัดไป
แนวโน้ม &จุดที่ต้องติดตาม
- ถ้าราคาทองไม่หลุดแนวรับสำคัญ เช่น ~ $3,550 / $3,600 (ขึ้นอยู่กับกรอบเวลา) ตลาดยังอาจฟื้นตัวได้หากมีข่าวเชิงบวกใหม่ ๆ
- ถ้า Fed ยืนยันความไม่เร่งลดดอกเบี้ย หรือข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด อาจมีแรงกดดันทองคำให้ปรับลงได้ในช่วงสั้น
- ตัวแปรสำคัญคือ ตัวเลขแรงงาน, CPI / PCE Inflation และท่าทีในการประชุม Fed รอบหน้า — ถ้าออกมาตามคาดหรือต่ำกว่าคาด ทองอาจกลับมาเป็นเป้าหมายของแรงซื้ออีกครั้ง