
ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกกังวลของตลาดเกี่ยวกับแผนการเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำเพื่อปกป้องทรัพย์สินจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้น 0.3% สู่ระดับ 2,913.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดที่ทำไว้ในวันอังคารที่ผ่านมาที่ 2,942.70 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วที่สะท้อนถึงความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อแผนการเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ที่ทรัมป์ประกาศในระยะหลัง. แผนนี้เกี่ยวข้องกับการเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ที่มีการกีดกันการค้าอย่างไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ ส่งผลให้หลายประเทศในโลกกังวลว่าแผนนี้จะทำให้เกิดสงครามการค้าระหว่างประเทศ
แผนการดังกล่าวสร้างความตึงเครียดในตลาดการค้าและเศรษฐกิจโลก เพราะหลายฝ่ายกลัวว่าอาจจะเกิดผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ ซึ่งทองคำได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันมาซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน
นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หากแผนภาษีของทรัมป์ยังคงสร้างความวิตกกังวลในตลาดการเงิน. นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับการสนับสนุนจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และแนวโน้มของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สำหรับตลาดในประเทศไทย ราคาทองคำในประเทศก็ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาทองคำโลก โดยราคาทองคำแท่งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ 46,400 บาทต่อบาททองคำ และทองรูปพรรณขายออกที่ 46,900 บาท
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำสะท้อนถึงความวิตกกังวลของนักลงทุนที่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศที่อาจได้รับผลกระทบจากแผนการเก็บภาษีของทรัมป์