
ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาประกาศแผนการขึ้นภาษีศุลกากรใหม่ต่อสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน เม็กซิโก และแคนาดา สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะสงครามการค้าและเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
ในช่วงที่สงครามการค้าเริ่มรุนแรงขึ้นและการตั้งภาษีศุลกากรมีความเสี่ยงที่จะทำให้การค้าระหว่างประเทศชะงักงัน นักลงทุนเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเพื่อปกป้องมูลค่าของเงินลงทุน ทองคำจึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากทองคำมีความเชื่อมั่นสูงว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเสถียรในช่วงที่ตลาดการเงินตกต่ำ
นอกจากนี้ ภาษีศุลกากรที่ทรัมป์เสนอเพิ่มขึ้นนั้นได้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้การเจรจาการค้าระหว่างประเทศมีความตึงเครียด ส่งผลให้ตลาดการเงินและการลงทุนมีความเสี่ยงมากขึ้น การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวจากผลกระทบของภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น ทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำในตลาดโลกจึงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับขึ้นสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อเทียบกับราคาก่อนหน้านี้ นักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ หันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง
นอกจากนี้ ธนาคารกลางหลายประเทศยังคงเข้าซื้อทองคำเป็นจำนวนมากเพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องในเศรษฐกิจของตน และเพื่อรองรับความไม่แน่นอนในระยะยาว ทำให้ทองคำมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าต่อไปในระยะสั้นและกลาง
สรุป:
ราคาทองคำพุ่งขึ้นจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรของทรัมป์ ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการค้า การที่นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จึงทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา