ตลาดการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคแห่งการปรับสมดุลครั้งใหญ่ในนโยบายการถือสินทรัพย์สำรองระหว่างประเทศ
จุดเปลี่ยน: ทองแซงหน้าพันธบัตรสหรัฐฯ
- ธนาคารกลางทั่วโลก ณ วันที่ 1 กันยายน 2025 ถือ “ทองคำ” ในฐานะสินทรัพย์สำรอง มากกว่า “พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ” (US Treasuries) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996
- เหตุการณ์นี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนการ “de-dollarization” หรือการลดพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างชัดเจน

ปัจจัยหลักที่ดันแรงซื้อทอง
- ความวิตกด้านภูมิรัฐศาสตร์: ความไม่แน่นอนเรื่องสงคราม การคว่ำบาตร และแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ทำให้ทองคำถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ที่ปลอดภัยกว่าพันธบัตรสหรัฐฯ
- การเพิ่มโวลลุ่มทองโดยธนาคารกลาง: ยอดซื้อทองคำจากธนาคารกลางในปี 2024 ทะลุ 1,000 ตัน เพิ่มเป็นเท่าตัวจากค่าเฉลี่ยรายปีก่อนๆ—สะท้อนแรงหนุนระยะยาว
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือสินทรัพย์ระหว่างประเทศ: สัดส่วนของทองในสำรองระหว่างประเทศพุ่งแตะ ~20% ขณะที่ยูโรอยู่ราว 16% และดอลลาร์ยังครองอันดับหนึ่งที่ ~46%
นัยต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก
| หมวดหมู่ | รายละเอียด |
|---|---|
| การจัดสรรสินทรัพย์สำรอง | เปลี่ยนผ่านจากดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐฯ สู่ทองคำ แสดงถึงความระมัดระวังต่อเสถียรภาพสหรัฐฯ |
| เงินสำรองของประเทศสำคัญ | ประเทศใหญ่เช่น อินเดีย จีน และตุรกี เพิ่มการถือทองเพื่อกระจายความเสี่ยงจากเงินดอลลาร์ |
| ผลกระทบต่อ US Treasuries | อาจลดความต้องการ ทำให้อัตราดอกเบี้ยต้องปรับสูงขึ้นเพื่อจูงใจผู้ซื้อ (เช่น สหรัฐฯ) |
| ภาพรวมตลาดทองคำ | โครงสร้างอุปสงค์จากภาคทางการ (ธนาคารกลาง) หนุนราคาทองและแรงซื้อปลอดภัยต่อเนื่อง |
สรุป
ปรากฏการณ์ที่ธนาคารกลางถือทองคำมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ นับเป็นสัญญาณชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงในนโยบายสำรองระหว่างประเทศในรอบหลายทศวรรษ
การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อดอลลาร์และเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ มากขึ้น ขณะเดียวกัน ส่งผลเสริมให้ทองคำกลับมาเป็นสินทรัพย์สำรองหลักระดับโลกอีกครั้ง