ทองคำได้รับการยกย่องว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe-haven asset) โดยเฉพาะในช่วงเวลาของวิกฤตเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ทองคำมีสถานะเช่นนี้:
1. การรักษามูลค่าในระยะยาว
- ทองคำมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการรักษามูลค่า ซึ่งแตกต่างจากเงินตราที่มีแนวโน้มเสื่อมค่าเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากปริมาณทองคำในโลกมีจำกัดและไม่สามารถผลิตเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย มูลค่าของทองคำจึงไม่ได้ลดลงตามการเพิ่มขึ้นของเงินตราแบบที่เกิดกับสกุลเงินทั่วไป
เมื่อเกิดวิกฤต เช่น การลดลงของมูลค่าสกุลเงินหรือการเสี่ยงที่เกิดขึ้นในระบบการเงิน นักลงทุนจึงมักหันไปหาทองคำเพื่อรักษามูลค่าทรัพย์สินของตนเอง เพราะทองคำไม่เสื่อมค่าตามภาวะเงินเฟ้อหรือการลดลงของอำนาจซื้อในลักษณะเดียวกับสกุลเงินทั่วไป
2. การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
- ทองคำมักมีความสัมพันธ์เชิงลบกับสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้นและพันธบัตร โดยในช่วงที่ตลาดทุนเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง นักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันมาซื้อทองคำ การกระจายการลงทุนในทองคำจึงช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงในช่วงวิกฤตได้ดี
3. ความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- ในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เช่น วิกฤตเศรษฐกิจโลก วิกฤตหนี้สาธารณะ หรือความขัดแย้งทางการเมือง นักลงทุนทั่วโลกมักจะเพิ่มความต้องการในทองคำ เพราะทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสถียรเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้น หรือสกุลเงินที่อาจผันผวนมากขึ้นตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนแสวงหาทางเลือกในการลงทุนที่ปลอดภัย ในขณะที่ตลาดหุ้นและตลาดการเงินอื่นๆ เสื่อมถอย

4. บทบาทของทองคำในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
- ทองคำถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เนื่องจากเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น มูลค่าของสกุลเงินลดลง นักลงทุนมักจะซื้อทองคำเพื่อรักษามูลค่าของเงินทุน เพราะทองคำมักจะมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเมื่อค่าเงินอ่อนค่าลงในสถานการณ์ที่ธนาคารกลางทั่วโลกใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยหรือการพิมพ์เงินเพิ่ม) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทองคำจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ลงทุนคาดว่าการเพิ่มปริมาณเงินอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในอนาคต
5. การยอมรับในฐานะสินทรัพย์สากล
- ทองคำเป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่าเป็นแหล่งเก็บรักษามูลค่าที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใด ทองคำก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ได้ง่าย จึงทำให้ทองคำเป็นที่ต้องการในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน เพราะสามารถใช้เป็นทรัพย์สินที่ถือเป็นหลักประกันได้ทุกที่ทั่วโลก
6. ความต้องการของธนาคารกลาง
- ธนาคารกลางของหลายประเทศมีการสะสมทองคำในปริมาณมากเพื่อเสริมความมั่นคงของทุนสำรองระหว่างประเทศ และใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความผันผวนของค่าเงิน เมื่อธนาคารกลางซื้อทองคำเพิ่มในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงิน ก็จะส่งผลต่อความต้องการและราคาของทองคำให้สูงขึ้น(
บทสรุป
ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงวิกฤตเนื่องจากคุณสมบัติในการรักษามูลค่าและการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดการเงินและเงินเฟ้อ การเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนสามารถเชื่อมั่นในระยะยาว ทำให้ทองคำยังคงเป็นตัวเลือกที่สำคัญในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงสูง