ตามรายงาน Gold Demand Trends ของ World Gold Council ตลาดทองคำไทยปี 2024‑2025 มีการเติบโตและความแข็งแกร่งที่โดดเด่นกว่าหลายประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะในหมวดทองแท่งและเหรียญ ซึ่งมีจุดเด่นดังนี้:

- อันดับโลกในทองแท่งและเหรียญ (Bars & Coins)
ไทยขึ้นแท่นเป็นอันดับ ที่ 7 ของโลก ในแง่ของความต้องการทองแท่งและเหรียญในปี 2024 โดยปริมาณรวมอยู่ที่ประมาณ 39.8 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา - อัตราการเติบโตสูงสุดในอาเซียน
แม้ราคาทองและราคาตลาดโลกจะอยู่ในระดับสูงมากก็ตาม แต่ไทยกลับแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของความต้องการผู้บริโภคที่สูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น การเติบโตประมาณ 9% YoY ของความต้องการทองคำของผู้บริโภคในไทยในปี 2023 - ทองแท่งและเหรียญกับทองเครื่องประดับ
ส่วนของทองแท่งและเหรียญในไทยได้รับแรงสนับสนุนจากนักลงทุนรายย่อยและผู้ซื้อทั่วไปที่มองทองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและเป็นการลงทุนระยะยาว โดยแม้ว่าตัวเครื่องประดับจะถูกกดดันจากราคาที่สูง แต่การลดลงในเครื่องประดับไม่มากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ - ปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจภายในและการท่องเที่ยว
รายงานชี้ว่าเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นกลับมาโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ช่วยสร้างรายได้และให้กำลังซื้อในประเทศ ซึ่งสนับสนุนความต้องการทอง ทั้งในการซื้อเครื่องประดับและการลงทุนบาร์/เหรียญ - แนวโน้มล่าสุดในปี 2025
ในไตรมาส Q1/2568 (ไทย) มีการลงทุนในทองแท่งและเหรียญเพิ่มขึ้นประมาณ 25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปริมาณอยู่ที่ประมาณ 7.4 ตัน ซึ่งถือว่าเป็นไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งสุดตั้งแต่ปี 2019
ความหมายและนัยยะ
- เป็นเครื่องยืนยันความมั่นคงและความเชื่อมั่นของประชาชนไทย ที่ยังมองทองคำเป็นสินทรัพย์ทางเลือกในภาวะที่มีความไม่แน่นอนทั้งเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อ ปัญหาค่าเงินบาท ฯลฯ
- ตลาดทองไทยมีโอกาสเติบโตจากช่องทางใหม่ เช่น บาร์/เหรียญ การลงทุนทองออนไลน์ ดิจิทัลโกลด์ ฯลฯ ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึงได้สะดวกขึ้น
- แรงกดดันจากราคาสากลไม่สามารถทำให้ลดความต้องการได้มากนัก — สะท้อนว่าผู้บริโภคไทยมีความทนต่อราคาสูงได้ดีเมื่อเทียบกับหลายประเทศ
- ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม เช่น การเปลี่ยนแปลงราคาทองโลก ดอลลาร์สหรัฐ เงินเฟ้อในไทย และนโยบายภาษี/นำเข้า‑ส่งออก ทอง และการเคลื่อนไหวของบาท